วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2550

วันอังคาร 11 ธันวาคม 2550

วันนี้ได้มาเรียนห้องคอม นั่งกับพวกพี่หมวย เพราะว่ากลุ่มตัวเองยังไม่มา วันนี้อาจารย์ตรวจงานของแต่ละคนคือการตรวจบล็อค และได้พูดถึงคนที่เปิดบล็อคไม่ได้ และพูดถึงงานวิจัยของแต่ละคน และพูดเรื่องความสามัคคีภายในห้องเรียน

วันอังคาร 4 ธันวาคม 2550


วันนี้อาจารย์ให้มาเรียนที่โรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม อาจารย์ได้สอนและพูดถึงการทำวิจัยของแต่และกลุ่ม และกลุ่มของดิฉันได้เรื่องการสมมาตรของศิลปที่มีผลต่อเด็กปฐมวัย โดยให้ส่งแบบเสนอโครงการวิจัยของนักศึกษา และถ้าไม่ผ่านให้ไปแก้ไขโดยอาจารย์แนะนำให้อีกครั้งก่อนปล่อย

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2550

นิทานแกะน้อยหาเพื่อน
























































มีเจ้าแกะน้อยตัวหนึ่งมันชอบร้องเพลงมาก เจัาแกะน้อยหลงตัวเองว่า รัองเพลงได้ไพเราะจึง อยากมีเพื่อนใกล้ชิดไว้ร้องเพลงเจ้าแกะน้อยมองซ้ายมองขวามองดูว่ามีใครอยู่บ้าง จึงเหลือบไปเห็น เจ้าหนู กระจี้ดตัวหนึ่ง เจ้าแกะน้อยจึงเดินตรงเข้าไปชวนเป็นสหาย เจ้าแกะน้อยจึงได้พูดกับหนูว่า "เรามาร้องเพลงกันดีไหม ไม่ยากหรอกนะง่ายมากเลย" เจ้าหนูตอบไปว่า "ไม่ไหวหรอกจ้ะเพื่อนเอ๋ย เพลงของนายไม่ค่อยดี หากร้องเพลงของนายฉันว่า เสียงเพลงของ ฉันหวานไพเราะกว่า ฉันชอบเพลงของฉันมากกว่า เชิญไปข้างหน้าเถอะพ่อแกะน้อย"เจ้าแกะน้อยจึงออกเดินไปตาละห้อย เพราะคำของเจ้าหนูบาดใจเหลือเกิน จึงมองหาเพื่อนใหม่เจอกับเจ้านกตัว หนึ่ง จึงพูดว่า "นกจําร้องเพลงกับฉันไหม ร้องหน่อยนะ แสนจะง่ายดาย"นกสีสวยเลยตอบว่า "ฉันไม่ชอบเพลงของแกะหรอกมีแต่ แบ๊ะ แบ๊ะ น่ารำคาญ เพลงฉันซิ เพราะกว่าแยะเลย"เจ้าแกะน้อยได้ฟังดังนั้น เกิดความเศร้า เพลียใจท้อแท้ จึงเดินจากไปเดินไปเรื่อยๆ บังเอิญเห็นม้าตัวหนึ่ง เดินมาแกะน้อยก็เลยรีบเดินไปทักทาย "คุณม้าจ๋าร้องเพลงแกะไหม ร้องง่ายนะไม่ยากหรอก"เจ้าแกะน้อยได้ฟังถึงกับเศร้ามากทีเดียว จึงเดินออกมาก็ได้เจอเข้ากับสุนัขรูปงามตัวหนึ่ง จึงเดิน เข้าไปชักชวนเป็นสหายทันที "เพื่อนเอ๋ยร้องเพลงแกะไหม ร้องง่ายนะ ไพเราะด้วย" เจ้าสุนัขได้ฟัง แล้วแหงนหน้าตอบออกไปว่า "ไม่เห็นจะชอบเลยไม่เห็นจะไพเราะตรงไหนเพลงของนายนะ ฮ้ง ฮ้ง เพลงของฉันซิ จังหวะก็เหมาะ ทำนองก้ดีเพราะกว่าเยอะเลย " เจ้าแกะเกิดอาการน้อยใจมาก แสนเพลียละเหี่ยใจ แต่ก็ยังไม่ท้อจึงได้เดินหาเพื่อนใหม่ต่อไปเรื่อยๆ เจอเข้ากับหมูตัวหนึ่งก็เลยเข้าไปทักทาย "หมูจ๋ามาร้องเพลงของฉันไหม ไพเราะจับใจ ร้องก็แสนจะง่ายดาย" หมูตอบออกไปทันที "อู้ด อู้ด เพลงของฉันร้องง่ายกว่า ฉันชอบร้องเพลงแบบหมูๆ ฟังแล้ว รื่นหู เจ้าไม่ต้องมาชวนหรอก โธ่ หน้าไม่อาย ไปเถอะ ไป..."เจ้าแกะน้อยช่างน่าสงสารนักแต่ก็เดินออกไปเจอกับพ่อไก่พอดี ยืนอยู่ตัวเดียวจึงเข้าไปชวนพ่อไก่ "พ่อไก่จ๋าร้องเพลงแกะไหม ไพเราะจับใจ ร้องแสนง่ายดาย" เจ้าไก่โต้งโก่งคอตอบไปว่า "เอ๊กอิเอ้กเอ้ก.. ฉันไม่ชอบเพลงของนายหรอก ฉันชอบเพลงของฉันมากกว่าเวลาฉันโก่งคอร้องเพลงดูเท่ห์ สง่า เพลงแกะมีแต่ แบ๊ะ แบ๊ะ น่ารำคาญจะตายไป"เจ้าแกะน้อยได้ฟังก็เศร้ามากผละจากเจ้าไก่โต้งเดินไปอย่างเดียวดายเริ่มจะท้อ พบกับแม่วัวเขาสวย ท่าทางกรีดกราย อ้อนแอ้น และแกะน้อยคิดว่าคง จะชอบร้องเพลง จึงเดินเข้าไปหาแล้วถามว่า"แม่วัวใจดีขาขอถามหน่อย ร้องเพลงกับฉันหน่อยได้ไหม เพลงของฉันเพราะนะ ร้องง่ายด้วยจ๊ะ"แม่วัวตอบทันที "ไม่จริงหรอกเจ้าหนู ฉันว่า มอ มอ ของฉันก้องกังวานเพราะกว่าหลายเท่านัก"เจ้าแกะน้อยเดินคอตกผ่านสวน เจอเป็ดว่ายน้ำอยู่ริมบึง จึงตรงรี่เข้าหาชวนสนทนา "คุณเป็ดร้อง เพลงกับฉันไหม ร้องนะ เพลงของฉันเพราะ ร้องก็ง่าย" "ฉันไม่ชอบเพลงแกะหรอกนะ ร้องแต่ แบ๊ะแบ๊ะ ฟังดูแล้วอ่อนแอ ฉันว่าฉันร้อง ก๊าบ ก๊าบ ....ฟังดูชัดเจนแข็งแรง ฉันลาล่ะนะ" เจ้าเป็ดพูดแล้วก็ ว่ายน้ำออกห่างไปเจ้าแกะน้อยจำต้องลาไปหาเพื่อนใหม่ มุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย เจอกับเจ้าแมวตัวลาย 2 ตัว จึงถาม "แมวจ๋าร้องเพลงฉันไหม ไพเราะจับใจ ร้องก็ แสนง่ายดาย แบ๊ะ แบ๊ะ ลองร้องตามฉันดู ลอง ดูซิสหาย" ลูกแมวกระโดดไล่งับผีเสื้อไปมาแล้วตอบว่า "ฉันว่าเพลงเหมียว เหมียว ของฉันง่ายกว่า ของนายไม่เห็นเข้าท่าเลย"เจ้าแกะน้อยถึงกับหมดแรง หน้าสลด น้ำตาเอ่อล้นไหล หาเพื่อนไม่ได้สักคน ช่างอาภัพจริงๆ ทุกคน หนีหายหมด จะชวนใครมาร้องเพลงร่วมกันบรรเลง ไม่มีสักราย แกะน้อยคิดในใจว่า เราจะอยู่ไปทำไมหันไปทางไหนก็ไม่มีความหมายใดๆ ทอดร่างนอนคิดสะอื้น หายใจแผ่ว อยากจะตายมีหนูน้อยคนหนึ่งเดินมาเห็นแกะน้อยนอนทอดกายก้มหน้าน้ำตาไหลเป็นสาย หนูน้อยจึงเดินเข้าไปโอบกอดเจ้าแกะน้อยขนขาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย แล้วถามว่า "ร้องไห้ไปทำไมเจ้าแกะน้อยจ๋า มีทุกข์ร้อน อะไรหรือเปล่า" เจ้าแกะน้อยตอบว่า "มีทุกข์คับอกมากเพราะขาดเพื่อน"หนูน้อยได้ฟังแกะน้อยเล่า จึงบอกว่า"อย่าโศกเศร่าไปเลย มัวแต่ปล่อยใจให้เศร้าทำไม ตามฉันไปที่บ้านดีกว่า มีเพื่อนคอยเป็น สหายมากมายเลย"เจ้าแกะน้อยได้ฟังดีใจเป็นยิ่งนัก เลยวิ่งตามหนูน้อยน่ารักคนนั้นไปหาเพื่อนๆ ได้ไปเจอกับแกะทั้งฝูง จึงตรงเข้าไปทักทาย "พวกเราร้องเพลงกันไหม เพลงไพเราะมากนะร้องก็ง่าย" ฝูงแกะจึงพูดออกไป พร้อมๆ กันว่า "ขอเชิญตัวท่านร้องนำก่อนเลย" "แบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ" ฝูงแกะทั้งหมดจึงร่วมกันร้องเพลง ฟังดูแล้วครื้นเครง ต่างประสานเสียงแว่วดังกังวานไปทั่วร่วมกันร้องเพลงได้อย่างไพเราะไม่ขาดสาย มีความอบอุ่นยิ่งนักเจ้าแกะน้อยกลับมามีความสุขเหมือนเดิมชีวิตมีความหมาย ไม่ต้องไปชวนใครต่อใครมาร้องเพลงอีกให้เสียใจเจ้าแกะน้อยได้ความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งว่า เพลงใครก็ใครร้องสิ อย่าไปบังคับใครให้เขาทำตามใจเราเพราะบางครั้งเขาต้องเป็นตัวของตัวเองคิดได้ดังนั้นเจ้าแกะน้อยก็สบายใจ และไม่มีทุกข์อีกต่อไป ได้พบกับเพื่อนพวกเดียวกัน ร้องเพลงด้วยกันมีแต่ความสุขตลอดไป รักกันจนนิรันดร์......
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนเราไม่ควรไปบังคับใคร"
การสอนนิทานในเรื่องนี้ครูสามารถสอนในเรื่อง
1. การนับจำนวนสัตว์ภายในเรื่อง
2. มีการจัดอันดับอันไหนมาก่อน
3. การเปรียบเทียบขนาด และ รูปร่างของสัตว์แต่ละประเภท

สรุปงานวิจัย


ทำทำไม - เพื่อต้องการทราบผลการด้วยสื่อการสอนต่างชนิดกัน คือ การสอนด้วยสื่อที่เป็นภาพ การสอนด้วยสื่อจำลอง และการจัดกิจกรรที่ เป็นรูปธรรม

ทำกับใคร - กับเด็กอนุบาล 2 เพื่อที่จะให้เด็กมีพัฒนาการที่เท่าเทียบกัน

ทำเมื่อไร - เด็กอนุบาล 2 อ. ยะหลิ่ง จ. ปัตตานี

ทำอย่างไร - ทำโดยการจัดกิจกรรม เช่น การสอนด้วยสื่อที่เป็นภาพ การสอนด้วยสื่อจำลอง เพื่อให้เด็กไช้ปราททั้ง 5

ขอลาป่วย

เรียนอาจารย์จินตนา สุขสำราญ (อาจารย์ผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย)เนื่องจากข้าพเจ้าขออนุญาตลาป่วย 1 วันในวันที่ 3 ธ.ค. 2550 แต่ข้าพเจ้าจะพยายามส่งงานตามที่กำหนดให้ทันเวลา จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอรับรองว่าข้อความข้างต้นเป็นความจริงทุกประการด้วยความรักและเคารพอย่างสูง
นางสาวพรรณพร หฤษฎีเกรียงไกร

ตารางกิจกรรมประจำวันอย่างเป็นทางการของโรงเรียนอนุบาลจันทรเกษม








7.30-08.15 น. รับเด็กเป็นรายบุคคล

8.15-08.30 น. เข้าแถวเคารพธงชาติ

8.30-08.50 น. สำรวจการมาโรงเรียน สนาทนา ตรวจสุขภาพ

8.50-09.10 น. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ

9.10-10.00 น. พักเข้าห้องน้ำ ล้างมือ รับประทานอาหารว่างเช้า

10.00-10.30 น. กิจกรรมในวงกลม

10.30-11.00 น. กิจกรรมสร้างสรรค์ การเล่นตามมุม

11.00-12.00 น. ล้างมือ รับประทานอาหารกลางวัน

12.00-14.00 น. นอนพักผ่อน

14.00-14.20 น. เก็บที่นอน เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า

14.20-14.40 น. รับประทานอาหารว่างบ่าย

14.40-15.00 น. เกมการศึกษา

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Music For Early Chilhood




กบกระโดดไปมา 1 2 3 4 5 กบกระโดด
ซ้ายขวา 6 7 8 9 10
อ๊บ อ๊บ อ๊บ
ผู้แต่งทำนองและเนื้อร้อง "นางสาวพรรณพร หฤษฎีเกรียงไกร "
แรงบันดาลใจเกิดจากการฟังเพลง "นกกระจิบ"

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

บทความคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย


จากนิตยสารรักลูก โดยเกตน์สิรี เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มท่องเลขได้ คนเป็นพ่อแม่ก็พากันปลื้มค่ะ ครั้นท่อง One Two Three…ได้อีก คราวนี้ปลื้มกันสุดๆ เชียวล่ะ แม้พอถามว่าลูกเข้าใจความหมายที่แท้จริงหรือเปล่า ว่า 1 และ 2 คืออะไร ถ้าเป็นผลไม้จะมีสักกี่ผล หรือเป็นสิ่งของจะมีสักกี่ชิ้น แล้วได้คำตอบ “ไม่รู้” ก็ตาม การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของลูกไม่ใช่แค่ท่องจำตัวเลข 1 2 3 4…10 หรือ 1 + 1 = 2 เท่านั้น แต่คณิตศาสตร์ คือการเรียนรู้เรื่องอื่นๆ เมื่อเขาเติบโตขึ้น รู้จัก Mathematic ทุกวันนี้หมดยุคท่องจำ หรือมุ่งการเรียนรู้เฉพาะเรื่องจำนวนและตัวเลขแล้วค่ะ เพราะว่าคณิตศาสตร์สามารถเรียนรู้ได้ง่ายๆ จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเล่นกับลูก ไปเที่ยว หรือจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น นับต้นไม้ ใบไม้ ซึ่งมีทั้งการนับ ขนาด ปริมาณ น้ำหนัก การเปรียบเทียบ เรียนรู้เวลา และอื่นๆ มากมาย ที่สำคัญทุกสาขาอาชีพก็ต้องล้วนเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ บัญชี เทคโนโลยี การเมือง การปกครอง การทำนา ล้วนมีคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น Mathematic Growing เมื่อรู้ของเขตแล้วก็ส่งเสริมเจ้าตัวเล็กได้ตั้งแต่แรกเกิดค่ะ ขวบปีแรก ลูกสามารถสร้างพื้นฐานทางคณิตได้ก่อนที่จะบวกหรือลบเป็นเสียอีก เขาสามารถเชื่อมโยงความคิดกับตัวเลขด้วยการตีความง่ายๆ เรียนรู้ว่ามีจมูกหนึ่งจมูก มีตาสองตา รู้จังหวะเคลื่อนไหวจากการคลาน ซึ่งความสามารถทางคณิตศาสตร์ของลูกถูกพัฒนาด้วยการกระตุ้นหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบตัว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นบันไดสำคัญที่จะพัฒนาไปสู่การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของเจ้าตัวเล็กในช่วงวัยต่อไปค่ะ ขวบปีที่สอง เรียนรู้สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถจัดประเภทสิ่งของได้ทำให้ลูกเข้าใจจำนวน ตัวเลข รู้จักนับนิ้วมือ 1 2 3 เรียนรู้ความแตกต่างของรูปทรง การจับคู่ รู้จักการใช้เหตุผล มีจินตนาการและเห็นการเชื่อมโยงของสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เช่น เมื่อตีกลองเขารู้ว่าจะต้องมีเสียงดัง สิ่งเหล่านี้พ่อแม่ต้องกระตุ้นลูกบ่อยๆ จะทำให้เขาเข้าใจความหมายและรู้จักนำจินตนาการมาใช้ได้ดีขึ้น ขวบปีที่สาม ลูกจะเห็นการจับคู่เป็นเรื่องง่ายแล้วค่ะ วัยนี้จึงควรจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ได้ใช้ทั้งความคิด ความมีเหตุผล และเห็นการเชื่อมโยงกันให้มากขึ้น เช่น ลูกมีตุ๊กตากี่ตัวจ๊ะ ลูกต้องการรถกี่คัน หรืออาจจะให้ลูกช่วยจัดโต๊ะอาหาร ให้อาหารสัตว์ หรือไปซื้อของ ลูกจะได้เรียนรู้ การจัดหมวดหมู่ การเปรียบเทียบ การจัดวาง เป็นต้น พีธากอรัส นักคณิตศาสตร์ ชาวกรีก กล่าวไว้ว่า “หลายสิ่งหลายอย่างสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยคณิตศาสตร์” คาร์ล เฟรดริช เกาส์ นักคณิตศาสตร์ที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ กล่าวว่า “คณิตศาสตร์ไม่ใช่ความรู้ แต่เป็นการเรียนรู้ที่ให้ความเพลิดเพลินสูงสุด” Fun+Learn in 7 Day การเรียนรู้คณิตศาสตร์ของลูกเริ่มต้นจากการเล่นและการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติค่ะ ซึ่งทุกกิจวัตรประจำวันถือเป็นโอกาสดีที่จะผสมผสานให้ลูกได้เรียนรู้และเข้าใจถึงทักษะง่ายๆ และใกล้ตัว Monday : เรียนรู้การนับและจำนวน ฝึกให้ลูกรู้จุกการนับจากชีวิตประจำวันขณะกิน เล่น เล่านิทาน เช่น การนับนิ้วมือ ช่วงแรกให้นับ 1-5 ก่อน แล้วเพิ่มเป็น 10 จากนั้นจึงค่อยเชื่อมโยงไปสู่ตัวเลขที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้ลูกเห็นจำนวนที่แท้จริงมากขึ้น ซึ่งนอกจากลูกจะได้เรียนรู้การนับแล้ว ยังได้เรียนรู้สรรพนามที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ และผลไม้ต่างๆ ซึค่งจะทำให้เขาเรียนรู้เรื่องของเซ็ท หรือการจัดหมวดหมู่ได้ง่ายขึ้นค่ะ เช่น 1 = ขนมเค้ก 1 ชิ้น 2 = กล้วย 2 ลูก 3 = หมวก 3 ใบ Tuesday : เรียนรู้ขนาด สอนด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ช่วงแรกใช้แค่ขนาดเล็ก-ใหญ่ก่อน ซึ่งอาจจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่นหรือผลไม้ เช่น “กางเกงของลูกตัวเล็กกว่ากางเกงของแม่อีกค่ะ” หรือ “หนูว่าแตงโมกับส้ม ผลไม้ชนิดไหนใหญ่กว่ากัน” จากนั้นก็เอาของทั้ง 2 อย่างมาเปรียบเทียบให้ลูกดู Wednesday : เรียนรู้ปริมาณและน้ำหนัก ทำให้ลูกดูได้เรียนรู้มากกว่า น้อยกว่า หรือเท่ากัน เช่น การเทน้ำใส่แก้ว การตักทราบใส่ถัง เก็บของใส่กล่อง เช่น นำแก้วสามใบ และนม แก้วใบแรกใส่นมเต็มแก้ว ใบที่สองใส่ครึ่งแก้ว และใบที่สามไม่ต้องใส่ ลองถามลูกว่าแก้วใบไหนเต็มใบไหนว่าง และใบไหนมีนมครึ่งแก้ว เด็กวัยนี้จะสามารถเรียนรู้ความหมายของคำว่าเต็ม และว่างเปล่า แต่บอกไม่ได้ว่าครึ่งแก้วเป็นอย่างไร หรืออาจเปรียบเทียบน้ำหนัก ด้วยการให้ลูกลองยกของที่มีน้ำหนักแตกต่างกัน แล้วถามว่าของสิ่งไหนหนักกว่ากัน Thursday : เรียนรู้รูปทรง การเล่นแท่งบล็อก ลูกได้เรียนรู้ทั้งรูปทรง การเปรียบเทียบสีสัน ขนาด ตำแหน่งที่วาง การจัดหมวดหมู่ และการนับจำนวนโดยคุณแม่อาจตั้งคำถามให้ลูกคิด เช่น “มีแท่งบล็อกสี่เหลี่ยมกี่แท่งนะ” หรือ “ไหนหนูลองแยกแท่งบล็อกที่มีสีเหมือนกันซิค่ะ” Friday : เรียนรู้เวลา สอนให้ลูกเรียนรู้จากสิ่งที่ง่ายก่อน เช่น ก่อน-หลัง เร็ว-ช้า วันนี้-พรุ่งนี้ ด้วยการพูดคุยกับลูก เช่น “ถ้าหนูเดินเร็วเราก็จะไปถึงสนามเด็กเล่นเร็ว แต่ถ้าเดินช้าก็ไปถึงช้า” หรือ “พรุ่งนี้วันเสาร์แม่จะพาลูกไปเที่ยวสวนสนุก ตอน 8 โมงเช้า ลูกอยากไปมั้ยจ๊ะ” Saturday : เรียน วัน เดือน ปี โดยเริ่มต้นให้ลูกเรียนรู้จากกิจกรรมง่ายๆ หรืออาจยกตัวอย่างเป็นวันสำคัญหรือเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทง มาให้ลูกฟังก็ได้ค่ะ ลูกจะได้จำจดได้ง่ายขึ้น เช่น “เดือนมกราคมนี้ก็จะถึงวันเกินของลูกๆ จะมีอายุครบ 2 ขวบแล้วนะ” หรือ “วันที่ 13 เมษายนนี้ จะเป็นวันสงกรานต์ แม่จะพาลูกไปเล่นสาดน้ำสนุกๆ กันนะ” Sunday : เรียนรู้จังหวะ ดนตรี คุณสามารถฝึกประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ให้ลูกได้ด้วยการเรียนรู้จังหวะจากเครื่องดนตรีง่ายๆ เช่น กลอง ไซโลโฟนหรือเครื่องดนตรีอื่นๆ ที่ตีแล้วเกิดเสียง เช่น การตีกลองโต้ตอบกับลูก ครั้งแรกคุณลองตีกลอง 2 ครั้ง แล้วให้เจ้าตัวเล็กตีกลองรับ 2 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเป็น 3 ครั้ง 4 ครั้ง หรือ 5 ครั้ง จากนั้นเปลี่ยนให้ลูกตีนำและคุณตีตามบ้าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกเข้าใจการโต้ตอบจากจังหวะกลองได้ จากกิจกรรมที่ยกตัวอย่าง ก็จะช่วยให้เจ้าตัวเล็กวัยซนสนใจเล่นคณิตศาสตร์แสนสนุกไปพร้อมๆ กับคุณแล้วล่ะค่

วันอังคารที่27พฤษจิกายน2550


วันนี้เมื่อมาถึงเจอพี่หมวยๆบอกว่าให้เอางานอาจารย์ไปถ่ายเอกสารและได้ไปตึก 26 เพราะคิดว่าเร็วกว่า วันนี้ได้นั่งทำงานที่ยังค้างอยู่ และคิดว่าคืบหน้าแน่นอน

สิ่งที่ได้จากการเรียนวันจันทร์ที่26พฤษจิกายน2550





วันนี้เมื่อถึงภายในห้องเรียนอาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับเรื่องคำคล้องจอง และเพลงเกี่ยวกับคณิตเช่น นกกระจิบ บินมาริบๆ พูดถึงเรื่อง การนับตัวเลข เป็นต้น และอาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับกิจกรรมทางคณิตศาสตร์ว่าเป็นอย่างไรและเป็นทางการและไม่เป็นทางการและอาจารย์ได้สั่งงานให้ไปหาตารางกิจกรรมของโรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษมว่าเป็นทางการและไม่เป็นทางการเป็นอย่างไร และมีการบูรณาการอย่างไร และต้องมีส่งภายในวันพรุ่งนี้ เพราะได้ยินวันส่งงานจึงเลิกไม่ค่อยตั้งใจฟังและหันมาทำสไลด์ให้กุ้งดีกว่าค่ะ

สิ่งที่ได้จากการเรียนวันอังคารที่20พฤษจิกายน2550



วันนนี้อาจารย์ไม่มาแต่อาจารย์สั่งงานเมื่อวานไว้แล้วอาจารย์ให้ไปแต่งนิทานเกี่ยวกับคณิต และแต่งเพลงเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ และภายในวันนี้ได้นั่งคุยเกี่ยวกับเรื่องนิทานภายในกลุ่มแต่ก็เปลี่ยนเรื่องจนได้เพราะว่าทำบล็อกตัวเองดีกว่าและมีการส่งแต่ส่งยากมากค่ะไม่รู้สาเหตุเพราะอะไร
ภายในกลุ่มก็จนปัญญา

วันจันทร์ที่19พฤศจิการยน2550


วันนี้อาจารย์ให้สรุปบทวิจัยทางคณิตศาสตร์


การทำกิจกรรมทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ต้องมีความสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กรวมไปถึงความพร้อมด้วย การจัดกิจกรรมควรบูรณาการเรื่องต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน ครูควรมีการวางแผนการจจัดการสอนเด็กก่อนลงมือจัดกิจกรรมจริง กิจกรรมควรมีสิ่งดึงดูดความสนใจของเด็กเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย เช่น การร้องเพลง เล่านิทาน จัดกิจกรรมที่สนุกสนานและควรจัดกิจกรรมตามความสนใจของเด็ก ครูและผู้ปกครองควรให้ความร่วมมือกันในการส่งเสริมการเรียนคณิตศาสตร์ของเด็กทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน และอาจารย์สั่งงานให้แต่งเพลง นิทานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็ก

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

เรียนในตึกสาธิต


วันจันทร์ที่ 12/11/50 วันนี้มาสายเหมือนเดิมแต่ก็มาทันเรียนในชั่วโมง อาจารย์ให้เรียนเกี่ยวกับเรื่องการสอนคณิตศาสตร์ให้กับมนุษย์ต่างดาว สนุกดีเหมือนกันเหมือนการสอนเด็กเล็กๆและเป็นการช่วยระดมความคิดค่ะ

การเรียนครั้งทที่2 ทำสไลด์


วันนี้มาสายเลยไม่ได้ทำแต่นั่งดูพี่เอกทำและนั่งดูอย่าง งงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ครั้งแรกของชีวิตกับอาจารย์จ๋า


วันนี้ได้เข้ามาเรียนตอน 9.30 นั่งตัวที่ 11 ข้างขวา ปีใหม่ ข้างซ้าย พี่เอก วันนี้ได้มาเรียนการทำ Webblog ตอนแรกคิดว่าง่ายแต่ตอนนี้รู้แล้วว่ายากกับการทำเทคโนโลยีใหม่